ทำความรู้จัก “การทดสอบความหนาวัสดุ EMAT”
การทดสอบความหนาวัสดุ EMAT โดยใช้สนามแม่เหล็กไฟฟ้า สร้างคลื่นอัลตราโซนิกภายในวัตถุทดสอบ ที่เป็นโลหะและเฟอร์โรแมกเนติก ผ่านการโต้ตอบของกระแสไหลวนความถี่สูง ที่สร้างโดยขดลวดกับสนามแม่เหล็ก เหนี่ยวนำ โดยแม่เหล็กถาวรหรือแม่เหล็กไฟฟ้าแบบพัลส์ ขึ้นอยู่กับการกำหนดค่าของขดลวดกระแสไหลวน จะใช้แรง Lorentz หรือ Magnetostriction เพื่อนำพลังงานเสียงเข้าสู่วัตถุทดสอบ สามารถใช้ทั้งแผนพัลส์เอคโค่และการส่งผ่านเพื่อวัตถุประสงค์ เป็นการทดสอบแบบไม่ทำลาย การทดสอบด้วยเทคนิคนี้ ไม่จำเป็นต้องขัดสนิมออกไซด์บนผิวชิ้นงานออกเพื่อที่จะทำการวัดความหนา โดยความหนาของออกไซด์ดังกล่าวจะไม่นำมารวมกับความหนาของชิ้นงานทดสอบ ทำให้สามารถทดสอบได้อย่างรวดเร็ว โดยปราศจากการใช้ตัวประสาน (Couplant) ในการส่งผ่านคลื่นเสียงเพื่อทดสอบ
ข้อดีของการทดสอบแบบ EMAT
- ลดเวลาในการทำงาน และประหยัดต้นทุนในการเตรียมผิวชิ้นงานทดสอบ
- สามารถทดสอบบนพื้นผิวงานที่ขรุขระ สกปรก เป็นสนิม หรือผิวงานที่มีผิวสัมผัสไม่สม่ำเสอกันได้
- สามารถทดสอบชิ้นงานที่มีอุณหภูมิสูงได้
- ไม่ต้องใช้ตัวประสาน (Couplant) ในการส่งผ่านคลื่นเสียง
- มีความแม่นยำสูง และทดสอบได้อย่างรวดเร็ว
- เป็นวิธีการทดสอบที่สามารถหาอัตราการกัดกร่อนหรือกัดเซาะได้อย่างแม่นยำ
- สามารถแสดงผลชิ้นงานทดสอบในรูปแบบภาพตัดขวาง (B-Scan) บนหน้าจอของอุปกรณ์ที่ใช้ในการวัดความหนานี้ได้
บริษัท ควอลลีเทค จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจวิศวกรรมความปลอดภัย ด้านการบริการงานทดสอบโดยไม่ทำลาย (Non-Destructive Testing) และการตรวจสอบและรับรองคุณภาพ (Inspection and Certification) รวมถึงการให้ความเห็นทางวิศวกรรมระดับสากล ในฐานะผู้เชี่ยวชาญอิสระ (Third party engineering service) ให้กับองค์กรต่าง ๆ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการตรวจสอบหรือประเมินคุณภาพตามมาตรฐานสากลและข้อกำหนดที่ลูกค้าต้องการรวมทั้งข้อกำหนดตามกฎหมาย